Phrase (วลี)
ความหมายของวลี
Phrase คือ กลุ่มคำที่เกี่ยวพันธ์กัน มีความหมายชัดเจนในตัวเอง
สามารถใช้แทนชนิด คำนาม คำคุณศัพท์ หรือคำกริยาวิเศษณ์
แต่ความหมายนั้นยังไม่สมบูรณ์ ไม่มีประธาน หรือกริยาแท้เป็นของตัวเอง
ต้องอาศัยอยู่ในประโยค เนื้อความนั้นจึงจะสมบูรณ์
คำว่า phrases “วลี”
หรือ “กลุ่มคำ” เพราะฉะนั้นถ้าจะทำความเข้าใจกับเรื่องนี้
ควรมีความรู้เรื่อง “คำ” เป็นพื้นฐานมาก่อน
โดยเฉพาะเรื่องชนิดของคำ ( parts of speech) ซึ่งมีอยู่หลัก
ๆ 8 ชนิด ได้แก่
1. noun (n)
2. pronoun (pron)
3. verb (v)
4. adjective (adj)
5. adverb (adv)
6. preposition (prep)
7. conjunction (conj)
8. Interjection
ขั้นแรกเรามาทบทวน parts of speech ก่อนน่ะค่ะ
1. Noun ( คำนาม )
เป็นคำที่ใช้เรียกคน
สัตว์ สิ่งของ ทั้งที่มีรูปร่างเช่น โต๊ะ สมุด และไม่มีรูปร่างเช่น วัน เวลา อากาศ
รวมทั้งชื่อของคน สัตว์ หรือสิ่งของ เช่น
คน: man father lady
สัตว์: dog cat bird สิ่งของ: city table month |
ชื่อคน: John Mary
ชื่อสัตว์: Lassie Lucifer ชื่อสิ่งของ: Bangkok January |
2. Pronoun (คำสรรพนาม )
เป็นคำที่ใช้เรียกแทนคำนามเพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวซ้ำ
เช่น I,
we, you, he, she, it หรือใช้แทนคำนามที่เราไม่ทราบว่าสิ่งนั้นเป็นอะไร
หรือใคร เช่น someone, something
แทนคำซ้ำ Mai is a beautiful woman.
Mai is a popular singer.
= Mai is a beautiful woman. She is a popular singer.
ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร Something is missing. ไม่รู้ว่าอะไรหายไป
= Mai is a beautiful woman. She is a popular singer.
ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร Something is missing. ไม่รู้ว่าอะไรหายไป
3. Verb (คำกริยา )
เป็นคำที่บอกอาการหรือการกระทำ
( action ) หรือบอกความเป็นอยู่ ( being ) หรือสภาวะความเป็นอยู่
( state of being ) เช่น fly, is, am, seem,
look.
การกระทำ
ความเป็นอยู่ สภาวะความเป็นอยู่ |
Birds fly.
นกบิน
Danny is a boy. แดนนี่เป็นเด็กผู้ชาย He looks good. เขาแลดูดี |
4. Adjectives (
คุณศัพท์ )
เป็นคำที่อธิบายหรือขยาย
noun หรือ pronoun ให้ไดัรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติของสิ่งนั้นๆ
เพิ่มขึ้น เช่น new, ugly, ill, happy, afraid, careless.
He bought a new
car. เขาซื้อรถใหม่.( new ขยาย car
ซึ่งเป็น noun )
They are ugly. พวกเขาน่าเกลียด ( ugly ขยาย they ซึ่งเป็น pronoun )
They are ugly. พวกเขาน่าเกลียด ( ugly ขยาย they ซึ่งเป็น pronoun )
5. Adverb ( วิเศษณ์ หรือ กริยาวิเศษณ์)
เป็นคำที่อธิบายหรือขยาย verb หรือ adjective
หรือ adverb ด้วยกันเอง เช่น hard,
fast, very
He works
hard. เขาเป็นคนทำงานหนัก (hard ขยาย
works ซึ่งเป็น verb)
He is very rich. เขาเป็นคนจนมาก ( very ขยาย rich ซึ่งเป็น adjective )
He works very hard.เขาเป็นคนที่ทำงานหนักมาก ( very ขยาย hard ซึ่งเป็น adverb )
He is very rich. เขาเป็นคนจนมาก ( very ขยาย rich ซึ่งเป็น adjective )
He works very hard.เขาเป็นคนที่ทำงานหนักมาก ( very ขยาย hard ซึ่งเป็น adverb )
6. Preposition
(คำบุพบท )
เป็นคำ
หรือกลุ่มคำที่วางหน้า noun หรือ pronoun เพื่อแสดงว่าคำนามหรือสรรพนามนั้นเกี่ยวข้องกับคำอื่นๆในประโยคอย่างไรเช่น
on, at, in, from, within
I will see you on
Monday. ฉันจะพบกับคุณในวันจันทร์
She was waiting at the restaurant. เธอรออยู่ที่ร้านอาหาร
There is a cockroach in my room. มีแมลงสาบตัวหนึ่งในห้องฉัน
We must finish the project within a year. ราจะต้องทำโครงการนี้ให้เสร็จใน 1 ปี
She was waiting at the restaurant. เธอรออยู่ที่ร้านอาหาร
There is a cockroach in my room. มีแมลงสาบตัวหนึ่งในห้องฉัน
We must finish the project within a year. ราจะต้องทำโครงการนี้ให้เสร็จใน 1 ปี
7. Conjunction
( คำสันธาน )
เป็นคำที่ใช้เชื่อม คำ กลุ่มคำ หรือประโยคเข้าด้วยกันเพื่อให้ความหมายสมบูรณ์ขึ้น
เช่น and, but, therefore, beside, either..or
John is rich and
handsome .จอห์นเป็นคนรวยและรูปหล่อ
Either you or she has to do this job. ไม่คุณก็เธอที่จะต้องทำงานนี้
Either you or she has to do this job. ไม่คุณก็เธอที่จะต้องทำงานนี้
8. Interjection
( คำอุทาน )
เป็นคำอุทานที่แสดงถึงอารมณ์ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้น
โดยไม่เกี่ยวข้องกับคำอื่นๆ ใน ประโยคเลย เช่น Oh God! , WOW, Hurrah
การพิจารณาว่าคำไหนเป็นคำชนิดใด
เราดูที่การทำหน้าที่ของมันในประโยค คำๆเดียวอาจทำ
หน้าที่อย่างหนึ่งในประโยคหนึ่ง แต่อาจทำหน้าที่อย่างอื่นในประโยคอื่นดังในตารางต่อไปนี้
word
|
parts
of speech
|
example
|
work
|
noun
|
My work is
easy. งานของฉันง่าย
|
verb
|
I work in
Bangkok. ฉันทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ
|
|
but
|
conjunction
|
John came but
Mary didn't come. จอห์นมาแต่แมรี่ไม่ได้มา
|
preposition
|
Everyone came
but Mary. ทุกคนมานอกจากแมรี่
|
|
well
|
adjective
|
Are you well?
คุณสบายดีหรือ?
|
adverb
|
She speaks
well. เธอพูดได้ดี
|
|
interjection
|
Well ! That
expensive. แหม! แพงจัง
|
|
afternoon
|
noun
|
We ate in the
afternoon. เรารับประทานในตอนบ่าย
|
noun ทำหน้าที่เหมือน adjective
|
We had
afternoon tea.เราดื่มชามื้อบ่าย
|
เมื่อรู้จัก parts of speech แล้ว
เรามารู้จัก กับ Phrase หรือ วลี กันต่อเลยค่ะ
ในภาษาอังกฤษเราสามารถแบ่ง phrases ออกได้เป็น
5 ชนิด
Noun phrase (NP)
Noun phrase (นามวลี)
คือกลุ่มคำที่มี noun หรือ pronoun เป็นคำหลัก
และอาจมี modifers (ส่วนขยาย) อยู่ด้วย ตัวอย่าง เช่น
cats (noun)
he (pronoun)
it (pronoun)
everyone (pronoun)
he (pronoun)
it (pronoun)
everyone (pronoun)
ถ้า noun phrase มีส่วนขยายอยู่้ข้างหน้านามตัวหลัก
เราเรียกส่วนขยายนั้นว่า premodifier เช่น
some black cats
นามวลีนี้มี some (determiner) กับ black (adjective) เป็น premodifiers
นามวลีนี้มี some (determiner) กับ black (adjective) เป็น premodifiers
ถ้า noun phrase มีส่วนขยายอยู่ข้างหลังนามตัวหลัก
เราจะเรียกมันว่า postmodifier เช่น
the best day of my life
นามวลีนี้มีบุพบทวลี of my life เป็น postmodifier
นามวลีนี้มีบุพบทวลี of my life เป็น postmodifier
the girl that I love
นามวลีนี้มี relative clause คือ that I love เป็น postmodifier
นามวลีนี้มี relative clause คือ that I love เป็น postmodifier
Verb phrase (VP)
Verb
phrase (กริยาวลี) จะมี main verb (กริยาหลัก) 1 ตัว และอาจมี auxiliary verbs (กริยาช่วย) อยู่ข้างหน้าด้วย
Verb
phrase อาจประกอบด้วย main verb เพียงตัวเดียวก็ได้)
We play tennis every day.
He plays tennis every day.
I played tennis last week.
He plays tennis every day.
I played tennis last week.
หรือจะมี auxiliary verbs ปรากฏร่วมด้วยก็ได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ (ตัวบางคือ auxiliary verb; ตัวหนาคือ main verb)
I will play tennis tomorrow.
I can’t play tennis.
I can’t play tennis.
Verb
phrases ในตัวอย่างเหล่านี้ถือเป็น
finite verb phrases (กริยาวลีที่แสดง tense หรือมี modal verb ปรากฏอยู่)
นอกจากนี้ยังมี verb phrase อีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า non-finite verb phrase (กริยาวลีที่ไม่แสดง tense และไม่มี modal verb ปรากฏอยู่)
-
ตัวอย่าง (finite verb phrase เป็นสีแดง; non-finite verb phrase เป็นสีน้ำเงิน)
I love playing tennis.
ฉันชอบเล่นเทนนิส
ฉันชอบเล่นเทนนิส
I saw her being
killed.
ฉันเห็นหล่อนถูกฆ่า
ฉันเห็นหล่อนถูกฆ่า
I don’t want to upset my mom.
ฉันไม่อยากทำให้แม่เสียใจ
ฉันไม่อยากทำให้แม่เสียใจ
verbs ชนิดพิเศษที่ประกอบด้วยคำมากกว่า
1 คำ หรือที่เรียกว่า multi-word
verbs ซึ่งมี 3 ประเภทหลัก ๆ คือ
·
phrasal
verbs,
·
prepositional
verbs
·
phrasal-prepositional
verbs
I give up!
ฉันยอมแพ้ (= เลิกทำ/เลิกล้มความพยายาม)
– เราเรียก give up ว่า phrasal verb
– phrasal verb ประกอบด้วย verb + adverb particle
– ในที่นี้ up เป็น adverb ไม่ได้เป็น preposition
– เราถือว่า give up เป็น 1 verb phrase
ฉันยอมแพ้ (= เลิกทำ/เลิกล้มความพยายาม)
– เราเรียก give up ว่า phrasal verb
– phrasal verb ประกอบด้วย verb + adverb particle
– ในที่นี้ up เป็น adverb ไม่ได้เป็น preposition
– เราถือว่า give up เป็น 1 verb phrase
John is looking
after his parents.
จ้อนกำลังดูแลพ่อแม่ของเขา
– เราเรียก looking after ว่า prepositional verb
– prepositional verb ประกอบด้วย verb + preposition
– ในที่นี้ after เป็น preposition
– เราถือว่า is looking after เป็น 1 verb phrase
จ้อนกำลังดูแลพ่อแม่ของเขา
– เราเรียก looking after ว่า prepositional verb
– prepositional verb ประกอบด้วย verb + preposition
– ในที่นี้ after เป็น preposition
– เราถือว่า is looking after เป็น 1 verb phrase
Never look
down on anybody.
อย่าดูถูกใครแม้แต่คนเดียว
– เราเรียก look down on ว่า phrasal-prepositional verbs
– phrasal-prepositional verbs ประกอบด้วย verb + adverb particle + preposition
– ในที่นี้ down เป็น adverb และ on เป็น preposition
– เรามอง look down on เป็น 1 verb phrase
อย่าดูถูกใครแม้แต่คนเดียว
– เราเรียก look down on ว่า phrasal-prepositional verbs
– phrasal-prepositional verbs ประกอบด้วย verb + adverb particle + preposition
– ในที่นี้ down เป็น adverb และ on เป็น preposition
– เรามอง look down on เป็น 1 verb phrase
Adjective phrase (AdjP)
Adjective
phrase (คุณศัพท์วลี)
คือกลุ่มคำที่มี adjective เป็นคำหลักและอาจมีส่วนขยายอยู่ด้วย
Adjective
phrase อาจจะประกอบด้วย
adjective ตัวเดียวโดด ๆ
หรืออาจจะมีส่วนขยายข้างหน้าที่เรียกว่า premodifer
และส่วนขยายข้างหลังที่เรียกว่า
postmodifier ด้วยก็ได้ ลองดูตัวอย่างประโยคกันเลยนะครับ (ส่วนที่เป็นสีแดงทั้งหมดคือ adjective
phrase โดยที่คำหลักคือคำที่พิมพ์ด้วยตัวหนา)
Jack is handsome.
คุณศัพท์วลีนี้มีเฉพาะคำหลัก ไม่มี modifier
คุณศัพท์วลีนี้มีเฉพาะคำหลัก ไม่มี modifier
John is very intelligent.
คุณศัพท์วลีนี้มี very (adverb) เป็น premodifier
คุณศัพท์วลีนี้มี very (adverb) เป็น premodifier
John is afraid of heights.
คุณศัพท์วลีนี้มีบุพบทวลี of heights เป็น postmodifier
คุณศัพท์วลีนี้มีบุพบทวลี of heights เป็น postmodifier
We are happy to see you.
คุณศัพท์วลีนี้มี to-infinitive clause คือ to see you เป็น postmodifier
คุณศัพท์วลีนี้มี to-infinitive clause คือ to see you เป็น postmodifier
I am relieved that nobody
was hurt.
คุณศัพท์วลีนี้มี that-clause คือ that nobody was hurt เป็น postmodifier
คุณศัพท์วลีนี้มี that-clause คือ that nobody was hurt เป็น postmodifier
Adverb phrase (AdvP)
Adverb
phrase (กริยาวิเศษณ์วลี)
คือกลุ่มคำที่มี adverb เป็นคำหลักและอาจมีส่วนขยายอยู่ด้วย
Adverb
phrase อาจจะประกอบด้วย
adverb ตัวเดียวโดด ๆ
หรืออาจจะมีส่วนขยายข้างหน้าที่เรียกว่า premodifer
และส่วนขยายข้างหลังที่เรียกว่า
postmodifier ด้วยก็ได้
(ส่วนที่เป็นสีแดงทั้งหมดคือ
adverb phrase โดยที่คำหลักคือคำที่พิมพ์ด้วยตัวหนา)
The engine
was running smoothly.
กริยาวิเศษณ์วลีนี้มีเฉพาะคำหลัก ไม่มี modifier
กริยาวิเศษณ์วลีนี้มีเฉพาะคำหลัก ไม่มี modifier
You’re
driving too fast!
กริยาวิเศษณ์วลีนี้มี too เป็น premodifier
กริยาวิเศษณ์วลีนี้มี too เป็น premodifier
Prepositional phrase (PP)
Prepositional
phrase (บุพบทวลี)
มีโครงสร้างคือ preposition + noun phrase เช่น
in my bedroom
PP นี้มี in เป็น preposition ตามด้วย noun phrase คือ my bedroom
PP นี้มี in เป็น preposition ตามด้วย noun phrase คือ my bedroom
on the table
PP นี้มี on เป็น preposition ตามด้วย noun phrase คือ the table
PP นี้มี on เป็น preposition ตามด้วย noun phrase คือ the table
เราลองมาดูกันนิดนึงว่า เมื่อ prepositional
phrase ปรากฏอยู่ในประโยคมันทำหน้าที่อะไรได้บ้าง (ส่วนที่เป็นสีแดงทั้งหมดคือ prepositional
phrase; ตัวหนาคือ preposition)
I like to
read in bed.
บุพบทวลี in bed ทำหน้าที่เป็น adverbial ขยายกริยา read
บุพบทวลี in bed ทำหน้าที่เป็น adverbial ขยายกริยา read
I took
several courses in history.
บุพบทวลี in history ทำหน้าที่เป็น postmodifier ของคำนาม courses
บุพบทวลี in history ทำหน้าที่เป็น postmodifier ของคำนาม courses
I am not happy with my marks this term.
บุพบทวลี with my marks ทำหน้าที่เป็น postmodifier ของคำคุณศัพท์ happy
บุพบทวลี with my marks ทำหน้าที่เป็น postmodifier ของคำคุณศัพท์ happy
สำหรับใครที่ไม่เข้าใจในเนื้อหาข้างต้น
ท่านสามารถโพสถามได้น่ะค่ะ แล้วดิฉันจะมาให้คำตอบภายหลังให้ค่ะ
References
http://tutormax.wordpress.com/2011/04/21/phrases
http://pserm-e-grammar.blogspot.com/2008/05/phrase.html