วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555


Phrase (วลี)

ความหมายของวลี
     Phrase คือ กลุ่มคำที่เกี่ยวพันธ์กัน มีความหมายชัดเจนในตัวเอง สามารถใช้แทนชนิด คำนาม คำคุณศัพท์ หรือคำกริยาวิเศษณ์ แต่ความหมายนั้นยังไม่สมบูรณ์ ไม่มีประธาน หรือกริยาแท้เป็นของตัวเอง ต้องอาศัยอยู่ในประโยค เนื้อความนั้นจึงจะสมบูรณ์   
    คำว่า phrases  “วลีหรือ กลุ่มคำเพราะฉะนั้นถ้าจะทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ ควรมีความรู้เรื่อง คำเป็นพื้นฐานมาก่อน โดยเฉพาะเรื่องชนิดของคำ ( parts of speech) ซึ่งมีอยู่หลัก ๆ 8 ชนิด ได้แก่    

1.  noun (n)
2.  pronoun (pron)
3.  verb (v)
4.  adjective (adj)
5.   adverb (adv)
6.   preposition (prep)
7.    conjunction (conj)
8.    Interjection

ขั้นแรกเรามาทบทวน  parts of speech  ก่อนน่ะค่ะ

1. Noun ( คำนาม ) 
  
เป็นคำที่ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ ทั้งที่มีรูปร่างเช่น โต๊ะ สมุด และไม่มีรูปร่างเช่น วัน เวลา อากาศ รวมทั้งชื่อของคน สัตว์ หรือสิ่งของ เช่น

คน:  man  father  lady
สัตว์: dog  cat  bird
สิ่งของ: city  table  month
ชื่อคน: John  Mary
ชื่อสัตว์: Lassie  Lucifer
ชื่อสิ่งของ: Bangkok  January

2. Pronoun (คำสรรพนาม )

เป็นคำที่ใช้เรียกแทนคำนามเพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวซ้ำ เช่น   I, we, you, he, she, it   หรือใช้แทนคำนามที่เราไม่ทราบว่าสิ่งนั้นเป็นอะไร หรือใคร   เช่น   someone,  something
แทนคำซ้ำ    Mai is a beautiful woman. Mai is a popular singer.
             = Mai is a beautiful woman. She is a popular singer.
 ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร     Something is missing.  ไม่รู้ว่าอะไรหายไป

3. Verb (คำกริยา )

เป็นคำที่บอกอาการหรือการกระทำ ( action ) หรือบอกความเป็นอยู่ ( being ) หรือสภาวะความเป็นอยู่ ( state of being ) เช่น  fly, is, am, seem, look.

การกระทำ
ความเป็นอยู่
สภาวะความเป็นอยู่
Birds fly. นกบิน
Danny is a boy. แดนนี่เป็นเด็กผู้ชาย
He looks good. เขาแลดูดี

4. Adjectives ( คุณศัพท์ )

เป็นคำที่อธิบายหรือขยาย noun หรือ pronoun ให้ไดัรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติของสิ่งนั้นๆ เพิ่มขึ้น เช่น new, ugly, ill, happy, afraid, careless.
He bought a new car. เขาซื้อรถใหม่.( new ขยาย car ซึ่งเป็น noun )
They are ugly. พวกเขาน่าเกลียด ( ugly ขยาย they ซึ่งเป็น pronoun )

5. Adverb ( วิเศษณ์ หรือ กริยาวิเศษณ์)

เป็นคำที่อธิบายหรือขยาย verb หรือ adjective หรือ adverb ด้วยกันเอง เช่น hard, fast, very
He works hard. เขาเป็นคนทำงานหนัก (hard ขยาย works ซึ่งเป็น verb)
He is very rich.  เขาเป็นคนจนมาก ( very ขยาย rich ซึ่งเป็น adjective )
He works very hard.เขาเป็นคนที่ทำงานหนักมาก ( very ขยาย hard ซึ่งเป็น adverb )

6. Preposition (คำบุพบท )

เป็นคำ หรือกลุ่มคำที่วางหน้า noun หรือ pronoun เพื่อแสดงว่าคำนามหรือสรรพนามนั้นเกี่ยวข้องกับคำอื่นๆในประโยคอย่างไรเช่น on, at, in, from, within 
I will see you on Monday.   ฉันจะพบกับคุณในวันจันทร์
She was waiting at the restaurant. เธอรออยู่ที่ร้านอาหาร
There is a cockroach in my room. มีแมลงสาบตัวหนึ่งในห้องฉัน
We must finish the project within a year. ราจะต้องทำโครงการนี้ให้เสร็จใน 1 ปี

7. Conjunction ( คำสันธาน )

เป็นคำที่ใช้เชื่อม คำ กลุ่มคำ หรือประโยคเข้าด้วยกันเพื่อให้ความหมายสมบูรณ์ขึ้น เช่น and, but, therefore, beside, either..or
John is rich and handsome .จอห์นเป็นคนรวยและรูปหล่อ
Either you or she has to do this job. ไม่คุณก็เธอที่จะต้องทำงานนี้

8. Interjection ( คำอุทาน )

 เป็นคำอุทานที่แสดงถึงอารมณ์  ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้น  โดยไม่เกี่ยวข้องกับคำอื่นๆ ใน ประโยคเลย   เช่น Oh God! , WOW, Hurrah
การพิจารณาว่าคำไหนเป็นคำชนิดใด เราดูที่การทำหน้าที่ของมันในประโยค  คำๆเดียวอาจทำ
หน้าที่อย่างหนึ่งในประโยคหนึ่ง  แต่อาจทำหน้าที่อย่างอื่นในประโยคอื่นดังในตารางต่อไปนี้


word
parts of speech
example
 work
noun
My work is easy. งานของฉันง่าย
verb
I work in Bangkok. ฉันทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ
 but
conjunction
John came but Mary didn't come. จอห์นมาแต่แมรี่ไม่ได้มา
preposition
Everyone came but Mary. ทุกคนมานอกจากแมรี่
 well
adjective
Are you well? คุณสบายดีหรือ?
adverb
She speaks well. เธอพูดได้ดี
interjection
Well ! That expensive. แหม! แพงจัง
 afternoon
noun
We ate in the afternoon. เรารับประทานในตอนบ่าย
noun ทำหน้าที่เหมือน adjective
We had afternoon tea.เราดื่มชามื้อบ่าย

เมื่อรู้จัก parts of speech แล้ว เรามารู้จัก กับ Phrase หรือ วลี กันต่อเลยค่ะ

ในภาษาอังกฤษเราสามารถแบ่ง phrases ออกได้เป็น 5 ชนิด

Noun phrase (NP)

Noun phrase (นามวลี) คือกลุ่มคำที่มี noun หรือ pronoun เป็นคำหลัก และอาจมี modifers (ส่วนขยาย) อยู่ด้วย ตัวอย่าง เช่น
cats (noun)
he (pronoun)
it (pronoun)
everyone
(pronoun)
ถ้า noun phrase มีส่วนขยายอยู่้ข้างหน้านามตัวหลัก เราเรียกส่วนขยายนั้นว่า premodifier เช่น
some black cats
นามวลีนี้มี some (determiner) กับ black (adjective) เป็น premodifiers
ถ้า noun phrase มีส่วนขยายอยู่ข้างหลังนามตัวหลัก เราจะเรียกมันว่า postmodifier เช่น
the best day of my life
นามวลีนี้มีบุพบทวลี of my life เป็น postmodifier
the girl that I love
นามวลีนี้มี relative clause คือ that I love เป็น postmodifier
Verb phrase (VP)

Verb phrase (กริยาวลี) จะมี main verb (กริยาหลัก) 1 ตัว และอาจมี auxiliary verbs (กริยาช่วย) อยู่ข้างหน้าด้วย
Verb phrase อาจประกอบด้วย main verb เพียงตัวเดียวก็ได้)
We play tennis every day.
He plays tennis every day.
I played tennis last week.
หรือจะมี auxiliary verbs ปรากฏร่วมด้วยก็ได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ (ตัวบางคือ auxiliary verb; ตัวหนาคือ main verb)
I will play tennis tomorrow.
I can’t play tennis.
Verb phrases ในตัวอย่างเหล่านี้ถือเป็น finite verb phrases (กริยาวลีที่แสดง tense หรือมี modal verb ปรากฏอยู่) นอกจากนี้ยังมี verb phrase อีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า non-finite verb phrase (กริยาวลีที่ไม่แสดง tense และไม่มี modal verb ปรากฏอยู่)
-         ตัวอย่าง  (finite verb phrase เป็นสีแดง; non-finite verb phrase เป็นสีน้ำเงิน)
love playing tennis.
ฉันชอบเล่นเทนนิส
I saw her being killed.
ฉันเห็นหล่อนถูกฆ่า
I don’t want to upset my mom.
ฉันไม่อยากทำให้แม่เสียใจ
   verbs ชนิดพิเศษที่ประกอบด้วยคำมากกว่า 1 คำ หรือที่เรียกว่า multi-word verbs ซึ่งมี 3 ประเภทหลัก ๆ คื       
·        phrasal verbs,
·        prepositional verbs
·        phrasal-prepositional verbs 
    I give up!
ฉันยอมแพ้ (= เลิกทำ/เลิกล้มความพยายาม)
เราเรียก give up ว่า phrasal verb
– phrasal verb
ประกอบด้วย verb + adverb particle
ในที่นี้ up เป็น adverb  ไม่ได้เป็น preposition
เราถือว่า give up เป็น 1 verb phrase
John is looking after his parents.
จ้อนกำลังดูแลพ่อแม่ของเขา
เราเรียก looking after ว่า prepositional verb
– prepositional verb
ประกอบด้วย verb + preposition
ในที่นี้ after เป็น preposition
เราถือว่า is looking after เป็น 1 verb phrase
Never look down on anybody.
อย่าดูถูกใครแม้แต่คนเดียว
เราเรียก look down on ว่า phrasal-prepositional verbs
– phrasal-prepositional verbs
ประกอบด้วย verb + adverb particle + preposition
ในที่นี้ down เป็น adverb และ on เป็น preposition
เรามอง look down on เป็น 1 verb phrase
Adjective phrase (AdjP)

Adjective phrase (คุณศัพท์วลี) คือกลุ่มคำที่มี adjective เป็นคำหลักและอาจมีส่วนขยายอยู่ด้วย
Adjective phrase อาจจะประกอบด้วย adjective ตัวเดียวโดด ๆ หรืออาจจะมีส่วนขยายข้างหน้าที่เรียกว่า premodifer และส่วนขยายข้างหลังที่เรียกว่า postmodifier ด้วยก็ได้ ลองดูตัวอย่างประโยคกันเลยนะครับ (ส่วนที่เป็นสีแดงทั้งหมดคือ adjective phrase โดยที่คำหลักคือคำที่พิมพ์ด้วยตัวหนา)
Jack is handsome.
คุณศัพท์วลีนี้มีเฉพาะคำหลัก ไม่มี modifier
John is very intelligent.
คุณศัพท์วลีนี้มี very (adverb) เป็น premodifier
John is afraid of heights.
คุณศัพท์วลีนี้มีบุพบทวลี of heights เป็น postmodifier
We are happy to see you.
คุณศัพท์วลีนี้มี to-infinitive clause คือ to see you เป็น postmodifier
I am relieved that nobody was hurt.
คุณศัพท์วลีนี้มี that-clause คือ that nobody was hurt เป็น postmodifier
 Adverb phrase (AdvP)

Adverb phrase (กริยาวิเศษณ์วลี) คือกลุ่มคำที่มี adverb เป็นคำหลักและอาจมีส่วนขยายอยู่ด้วย
Adverb phrase อาจจะประกอบด้วย adverb ตัวเดียวโดด ๆ หรืออาจจะมีส่วนขยายข้างหน้าที่เรียกว่า premodifer และส่วนขยายข้างหลังที่เรียกว่า postmodifier ด้วยก็ได้
(ส่วนที่เป็นสีแดงทั้งหมดคือ adverb phrase โดยที่คำหลักคือคำที่พิมพ์ด้วยตัวหนา)
The engine was running smoothly.
กริยาวิเศษณ์วลีนี้มีเฉพาะคำหลัก ไม่มี modifier
You’re driving too fast!
กริยาวิเศษณ์วลีนี้มี too เป็น premodifier
 
Prepositional phrase (PP)

Prepositional phrase (บุพบทวลี) มีโครงสร้างคือ preposition + noun phrase เช่น
in my bedroom
PP นี้มี in เป็น preposition ตามด้วย noun phrase คือ my bedroom
on the table
PP นี้มี on เป็น preposition ตามด้วย noun phrase คือ the table
เราลองมาดูกันนิดนึงว่า เมื่อ prepositional phrase ปรากฏอยู่ในประโยคมันทำหน้าที่อะไรได้บ้าง (ส่วนที่เป็นสีแดงทั้งหมดคือ prepositional phrase; ตัวหนาคือ preposition)
I like to read in bed.
บุพบทวลี in bed ทำหน้าที่เป็น adverbial ขยายกริยา read
I took several courses in history.
บุพบทวลี in history ทำหน้าที่เป็น postmodifier ของคำนาม courses
I am not happy with my marks this term.
บุพบทวลี with my marks ทำหน้าที่เป็น postmodifier ของคำคุณศัพท์ happy

สำหรับใครที่ไม่เข้าใจในเนื้อหาข้างต้น ท่านสามารถโพสถามได้น่ะค่ะ แล้วดิฉันจะมาให้คำตอบภายหลังให้ค่ะ

References
http://tutormax.wordpress.com/2011/04/21/phrases
http://pserm-e-grammar.blogspot.com/2008/05/phrase.html